วิธีขายของให้น่าสนใจ: 7 เทคนิคการขายที่จะช่วยชนะใจลูกค้าและเพิ่มยอดขาย

วิธีขายของให้น่าสนใจ: 7 เทคนิคการขายที่จะช่วยชนะใจลูกค้า

ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันทางธุรกิจออนไลน์สูงขึ้นเรื่อยๆ การมีเพียงแค่สินค้าดีอาจไม่เพียงพออีกต่อไป พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จำเป็นต้องรู้จัก วิธีขายของให้น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายที่เติบโตอย่างยั่งยืน บทความนี้รวบรวม เทคนิคการขายแบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนธุรกิจไปจนถึงการสร้าง คอนเทนต์ดึงดูดลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือขายของออนไลน์มานาน ก็สามารถนำ วิธีการขายของเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณได้

วางแผนธุรกิจอย่างชาญฉลาดด้วยวิธีขายของให้น่าสนใจ

วิธีขายของให้น่าสนใจ

การขายของให้น่าสนใจต้องเริ่มต้นจากการวางแผนที่ดี วิธีการขายของที่มีประสิทธิภาพต้องมีพื้นฐานจากการวางแผนธุรกิจที่รอบคอบ โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดังนี้

1. ตีโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้แตก

เริ่มต้นด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน คุณจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับลูกค้าของคุณ ทั้งช่วงอายุ รายได้ ความสนใจ และพฤติกรรมการซื้อของ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้ตรงใจที่สุด นอกจากนี้ ควรสำรวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ เพราะความต้องการของผู้บริโภคอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

วิธีค้นหากลุ่มลูกค้าที่ใช่:

  • สำรวจว่าลูกค้าของเราเป็นใคร (เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ)
  • พิจารณาว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน (ประเทศ จังหวัด หรือพื้นที่เฉพาะ)
  • วิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของลูกค้า

2. เลือกสินค้าที่ตนเองสนใจและมีความเชี่ยวชาญ

การเลือกขายสินค้าที่ตนเองมีความสนใจและความเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น เช่น ถ้าคุณชอบแต่งตัว คุณจะรู้ว่าแฟชั่นแบบไหนกำลังมาแรง หรือถ้าคุณชอบทำเค้ก คุณจะรู้ว่าเทรนด์เค้กในขณะนี้เป็นอย่างไร ความรู้และความหลงใหลในผลิตภัณฑ์จะทำให้คุณสามารถแนะนำและเลือกสินค้าที่โดนใจลูกค้าได้ดี

3. ตั้งเป้าหมายธุรกิจที่ชัดเจนและวัดผลได้

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีทิศทางในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายด้านยอดขาย จำนวนออเดอร์ หรือยอดผู้ติดตาม ตัวอย่างเช่น:

  • มีจำนวนการสั่งซื้อ 10 ออเดอร์ต่อวัน หรือ 30 ออเดอร์ต่อเดือน
  • มียอดขาย 50,000 บาท ต่อเดือน
  • มีคนติดตาม Facebook 10,000 คน (ที่เป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่การซื้อไลก์)
  • มีคนเข้าชมเว็บไซต์ 10,000 คนต่อเดือน

เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว คุณสามารถวางแผนการตลาดและกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้น่าจดจำด้วยคอนเทนต์ที่น่าสนใจ

การสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและ คอนเทนต์ที่น่าสนใจจะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำและแตกต่างจากคู่แข่ง การสร้าง โพสต์ขายของให้น่าสนใจจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

1. ชื่อร้านและแบรนด์ที่โดนใจ

ชื่อร้านที่ดีควรมีลักษณะดังนี้:

  • กระชับและจดจำง่าย
  • สื่อถึงประเภทของสินค้าที่ขาย
  • มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกับร้านอื่น

วิธีการตรวจสอบว่าชื่อแบรนด์ซ้ำกับที่อื่นหรือไม่ สามารถทำได้โดยการค้นหาบน Google, Facebook หรือ Instagram เพื่อดูว่ามีใครใช้ชื่อนี้ไปแล้วหรือยัง

2. ใช้สีเพื่อสร้างอารมณ์และความรู้สึก

การเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับแบรนด์จะช่วยสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสีแต่ละสีมีความหมายที่แตกต่างกัน:

  • สีน้ำเงิน: ความสงบ ความสุภาพเรียบร้อย และความน่าเชื่อถือ
  • สีเหลือง: ความสดใสร่าเริง ความสนุกสนานแบบหนุ่มสาว
  • สีแดง: เป็นสีที่สะดุดตา กระตุ้นประสาทในการรับรู้ และทำให้รู้สึกตื่นเต้น
  • สีเทา: แสดงถึงความหรูหรา มีระดับ
  • สีเขียว: บ่งบอกถึงความเป็นธรรมชาติ ความสดชื่น และมีชีวิตชีวา

3. สร้าง Mood & Tone และคอนเทนต์ที่น่าสนใจ

การคุม Mood & Tone ของแบรนด์ให้ไปในทิศทางเดียวกัน และการสร้าง คอนเทนต์ที่น่าสนใจจะช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โลโก้ สีสัน การเขียนคำบรรยาย หรือการถ่ายภาพสินค้า ควรมีสไตล์ที่สอดคล้องกัน การสร้าง โพสต์ขายของให้น่าสนใจที่มีความเป็นเอกลักษณ์จะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่าย

เทคนิคการขาย: การถ่ายภาพสินค้าให้น่าสนใจ

ภาพถ่ายสินค้าที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของ วิธีขายของให้น่าสนใจเพราะลูกค้าไม่สามารถจับต้องสินค้าได้โดยตรง ภาพถ่ายจึงเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า การมี คอนเทนต์ดึงดูดลูกค้าด้วยภาพถ่ายคุณภาพสูงเป็น เทคนิคการขายที่ได้ผลดีมาก

1. ถ่ายให้ชัด ชูจุดเด่นของสินค้า

นอกจากการถ่ายรูปสินค้าให้มีความสวยงามแล้ว ยังต้องดึงจุดเด่นของสินค้าออกมาผ่านภาพถ่ายให้ได้มากที่สุด ควรถ่ายภาพหลายมุม ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง รวมถึงภาพขณะใช้งานจริง เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจในตัวสินค้ามากขึ้น

2. จัดองค์ประกอบภาพให้น่าสนใจ

การจัดองค์ประกอบภาพที่ดีจะช่วยดึงดูดสายตาลูกค้า สามารถใช้หลักการ Rule of Thirds หรือกฎสามส่วน โดยการแบ่งภาพออกเป็น 9 ช่องเท่า ๆ กัน และวางวัตถุหลักบริเวณจุดตัดของเส้น ซึ่งจะทำให้ภาพดูน่าสนใจมากขึ้น

3. เลือกใช้แสงอย่างเหมาะสม

แสงที่ดีจะช่วยให้สินค้าดูโดดเด่นและมีมิติ ควรเลือกใช้แสงธรรมชาติเมื่อเป็นไปได้ และเลือกช่วงเวลาที่แสงเหมาะสมกับประเภทของสินค้า เช่น:

  • สินค้าประเภทอาหาร: ควรใช้แสงที่ส่องตรงไปยังอาหาร เพื่อให้เห็นรายละเอียดและความน่ากิน
  • สินค้าที่มีรายละเอียดมาก: ควรใช้แสงที่นุ่มนวล ไม่จ้าเกินไป เพื่อให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน

วิธีการขายของด้วยกลยุทธ์การตั้งราคาอย่างชาญฉลาด

การตั้งราคาที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณได้กำไร แต่ยังเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

1. ตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9

การตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 เช่น 199, 299, 399 เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่ได้ผลมาอย่างยาวนาน เพราะลูกค้ามักจะประเมินราคาจากตัวเลขด้านหน้า ทำให้สินค้าดูเหมือนมีราคาถูกลง เหมาะกับสินค้าที่สามารถต่อรองได้ เพราะลูกค้าจะไม่ต่อราคามากเกินไป

2. ตั้งราคาเป็น 3 ระดับ

การเสนอสินค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในราคา 3 ระดับ จะช่วยกระตุ้นความคิดของลูกค้าให้นึกถึงความคุ้มค่า เช่น:

  • ขนาดเล็ก 15 บาท
  • ขนาดกลาง 20 บาท
  • ขนาดใหญ่ 25 บาท

เมื่อลูกค้าเห็นว่าจ่ายเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อยแต่ได้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ก็มักจะเลือกซื้อแบบที่ใหญ่ที่สุด ทำให้คุณขายได้ในราคาที่สูงขึ้น

3. ตั้งราคาแบบขายเหมา

การเสนอราคาพิเศษสำหรับการซื้อจำนวนมาก เช่น “ซื้อ 10 ชิ้น ราคาเพียง xx บาท” จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อในปริมาณมากขึ้น เหมาะสำหรับสินค้าที่ลูกค้าอาจต้องการใช้หลายชิ้น หรือซื้อไปเป็นของฝาก

เลือกช่องทางการตลาดและช่องทางการขายที่เหมาะสม

การเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีขายของให้น่าสนใจนั้นต้องเริ่มจากการเลือกช่องทางที่เหมาะกับสินค้าและกลุ่มลูกค้าของคุณ โดยแต่ละช่องทางมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

1. Social Media: Facebook, Instagram

จุดเด่น:

  • เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย
  • สามารถพูดคุย จัดกิจกรรม และมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดี
  • ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์
  • ไม่จำเป็นต้องแข่งขันในเรื่องราคา สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าด้วยการทำคอนเทนต์ที่ดี

2. Marketplace: Shopee, Lazada

จุดเด่น:

  • มีฐานลูกค้าจำนวนมากที่เข้ามาค้นหาสินค้า
  • มีระบบการชำระเงินและจัดส่งที่น่าเชื่อถือ
  • มีการจัดโปรโมชันร่วมกันในระดับแพลตฟอร์ม ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงแคมเปญ

ข้อควรระวัง: มีการแข่งขันด้านราคาสูง ร้านค้าใหม่อาจต้องแข่งขันด้านราคาในช่วงแรก

3. เว็บไซต์ของตัวเอง

จุดเด่น:

  • เข้าถึงลูกค้าที่มาจาก Google Search ได้
  • ลูกค้าที่ค้นหาสินค้าบน Google มักมีความตั้งใจซื้อสูง
  • สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปทำการตลาดต่อได้
  • มีอิสระในการออกแบบและปรับแต่งเว็บไซต์ตามต้องการ

4. LINE Official Account และ LINE My Shop

จุดเด่น:

  • สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง
  • มีโอกาสปิดการขายได้สูงกว่า Facebook Messenger ถึง 70%
  • สามารถลงขายสินค้าผ่าน LINE My Shop ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถกดซื้อและชำระเงินได้ทันที

ระบบการชำระเงินที่สะดวกและน่าเชื่อถือ

วิธีขายของให้น่าสนใจ: 7 เทคนิคการขาย

การมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายและสะดวกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

1. บัญชีธนาคาร

เป็นช่องทางพื้นฐานที่ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้ ลูกค้าสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้ง่าย แต่อาจไม่สะดวกสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม

2. Payment Gateway

การรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายได้อีก 30% แม้จะมีค่าธรรมเนียม แต่ผลตอบแทนที่ได้คือโอกาสในการขายที่เพิ่มขึ้น สามารถเลือกใช้ Payment Gateway ได้หลายรูปแบบ:

  • ของธนาคาร: K-Payment Gateway ของธนาคารกสิกร
  • ไม่ใช่ของธนาคาร: Paypal, GB Prime Pay, Pay Solution

จัดการระบบหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพสำหรับโพสต์ขายของให้น่าสนใจ

ระบบหลังบ้านที่ดีจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความผิดพลาด และทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการ แม้จะสร้างโพสต์ขายของให้น่าสนใจได้ดีเพียงใด หากระบบหลังบ้านไม่มีประสิทธิภาพก็อาจทำให้ธุรกิจเสียโอกาสในการขายได้

1. ใช้โปรแกรมจัดการออเดอร์

โปรแกรมจัดการระบบหลังบ้านจะช่วยให้คุณบริหารจัดการธุรกิจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น:

  • ระบบจัดการสต๊อกสินค้า
  • การจัดการออร์เดอร์
  • การสรุปยอดสั่งซื้อและสถานะการโอนจ่าย
  • การติดตามระบบขนส่ง

ปัจจุบันมีโปรแกรมให้เลือกใช้มากมาย เช่น Zort, Page365, Peak, Flow Account, Sokochan และ Shipnity

2. ตอบลูกค้าอย่างรวดเร็ว

การตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็วเป็นกุญแจสำคัญในการปิดการขาย ยิ่งตอบเร็วเท่าไหร่ โอกาสในการขายก็ยิ่งมากขึ้น คุณสามารถใช้ระบบตอบกลับอัตโนมัติหรือจ้างแอดมินเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

3. จัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

การจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและปลอดภัยจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำ วิธีการส่งของให้รวดเร็ว ได้แก่:

  • ส่งก่อนรอบไปรษณีย์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้น
  • ติดต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เพื่อขอหมายบาร์โค้ดมาแปะที่กล่องพัสดุด้วยตนเอง
  • แพ็กสินค้าให้เรียบร้อย แน่นหนา พร้อมทั้งเขียนรายละเอียดให้ครบถ้วน
  • พิจารณาใช้บริการ Same-day Delivery สำหรับสินค้าบางประเภท
  • มีช่องทางขนส่งที่หลากหลาย ทั้งภายในและต่างประเทศ

สร้างคอนเทนต์ดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย

การจัดโปรโมชันเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นยอดขายและดึงดูดลูกค้าใหม่ การสร้างคอนเทนต์ดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชันที่น่าสนใจเป็นวิธีขายของให้น่าสนใจที่ได้ผลดีเยี่ยม โดยการจัดโปรโมชันควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น:

  • เปิดตัวสินค้าใหม่
  • ล้างสต๊อกสินค้า
  • กระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาล
  • ดึงดูดลูกค้าใหม่

รูปแบบโปรโมชันที่นิยมใช้ในเทคนิคการขาย ได้แก่:

  • ซื้อ 1 แถม 1
  • ราคาพิเศษในช่วงเวลาจำกัด
  • ฟรีค่าจัดส่ง
  • ส่วนลดตามเทศกาล
  • แจกคูปองส่วนลด

วัดผลและปรับปรุงเทคนิคการขายอย่างต่อเนื่อง

การวัดผลเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้คุณทราบว่า เทคนิคการขายแล วิธีการขายของ ที่คุณใช้นั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ การติดตามผลลัพธ์ของคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ที่คุณสร้างขึ้นจะช่วยให้คุณปรับปรุง วิธีขายของให้น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง

1. เปรียบเทียบผลลัพธ์กับเป้าหมาย

ตรวจสอบว่าผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ เช่น:

  • เป้าหมาย: มีคนเข้าชมเว็บไซต์ 5,000 คนต่อเดือน
  • ผลลัพธ์: เดือนที่แล้วมีคนเข้าชม 2,000 คน

2. วิเคราะห์จุดที่ควรปรับปรุง

หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ให้วิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางการปรับปรุง เช่น:

  • ปรับปรุงคอนเทนต์ให้น่าสนใจมากขึ้น
  • ใช้ Keyword ที่มีปริมาณการค้นหาสูง
  • โฟกัสที่การทำ SEO มากขึ้น

3. ศึกษาจากคู่แข่ง

การศึกษากลยุทธ์ของคู่แข่งจะช่วยให้คุณมีแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ ดูว่าคู่แข่งขายสินค้าผ่านช่องทางใดบ้าง มีวิธีการโปรโมทอย่างไร รูปภาพ การเขียนแคปชัน และกิจกรรมทางการตลาดเป็นอย่างไร

หากสนใจทำ Content สำหรับธุรกิจของคุณ หยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง ยินดีให้บริการ!

หยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง เป็นบริษัท Creative Agency & Brand Consultant ที่มุ่งเน้นการทำให้ลูกค้าหยุดนิ้วมือเพื่อสนใจ Content ของธุรกิจ เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์และเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกออนไลน์ เรามีบริการครบวงจรสำหรับธุรกิจออนไลน์ ดังนี้:

  1. ผลิตคลิปวิดีโอ: บริการถ่ายทำและผลิตคลิปวิดีโออย่างมืออาชีพ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณ
  2. บริการถ่ายภาพ: บริการถ่ายภาพมืออาชีพทั้งงานส่วนตัวและงานเชิงพาณิชย์ เพื่อถ่ายทอดความทรงจำดี ๆ และสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
  3. ออกแบบเมนู: รับออกแบบเมนูอาหารให้น่าสนใจและดึงดูดลูกค้า
  4. ยิงแอดโฆษณา: บริการโฆษณาออนไลน์โดยทีมการตลาดมืออาชีพ ช่วยให้คุณประหยัดงบประมาณและได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
  5. Rich Menu: บริการดูแล Line Official Account และ Rich Menu เพื่อช่วยให้คุณปิดการขายได้ง่ายขึ้น
  6. Creative Content: สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  7. ออกแบบโลโก้: บริการออกแบบโลโก้ที่สวยงาม เพื่อสร้างภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณ
  8. โปรโมทและรีวิว: บริการโปรโมทธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างความโดดเด่นและน่าติดตาม เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

สรุป

การทำ วิธีขายของให้น่าสนใจ ไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มจากเข้าใจลูกค้า สร้างโพสต์ขายของให้น่าสนใจ ถ่ายรูปสินค้าสวย ๆ ตั้งราคาให้ดึงดูด และเลือก ช่องทางการตลาด ที่เหมาะกับสินค้า หัวใจสำคัญ คือ การสร้างความประทับใจให้ลูกค้า เพื่อให้เขากลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ หากต้องการยกระดับธุรกิจออนไลน์ด้วย เทคนิคการขาย ที่ได้ผล หยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง พร้อมช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด

คำถามที่พบบ่อย

ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ?

การขายของออนไลน์ให้มีคนซื้อต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจลูกค้าเป้าหมาย สร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และนำเสนอสินค้าด้วยภาพถ่ายคุณภาพดี คุณควรตั้งราคาที่เหมาะสม เลือกช่องทางการขายที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้า

  • ขายของออนไลน์อะไรดี – เลือกสินค้าที่คุณชอบและมีความรู้ เพราะจะทำให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้าและนำเสนอสินค้าได้อย่างมั่นใจ
  • ตั้งชื่อร้านให้น่าสนใจ – ใช้ชื่อร้านที่จดจำง่าย สื่อถึงสินค้าของคุณ และมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
  • เลือกสต๊อกสินค้าเองหรือไม่สต๊อกสินค้า – พิจารณาจากเงินทุนและพื้นที่เก็บสินค้า หากทุนน้อยอาจเริ่มจากการไม่สต๊อกสินค้าก่อนแล้วค่อยขยาย
  • ช่องทางจำหน่ายสินค้า – เลือกช่องทางที่เหมาะกับสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย เช่น Facebook, Instagram, Shopee, Lazada หรือเว็บไซต์ของตัวเอง
  • กำหนดเป้าหมายของร้าน – ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ เช่น จำนวนออเดอร์ต่อวัน ยอดขายต่อเดือน หรือจำนวนผู้ติดตาม
  • มีเงินทุนและเงินสำรองเพียงพอ – วางแผนการเงินให้รอบคอบ มีเงินทุนสำหรับซื้อสินค้าและเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
  • ช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย – รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบ ทั้งโอนเงิน บัตรเครดิต และ e-wallet เพื่อความสะดวกของลูกค้า
  • มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า – ตอบคำถามรวดเร็ว ใส่ใจการบริการ และแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างเต็มใจ

วิธีขายของออนไลน์ใน FaceBook ?

การขายของใน Facebook เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเพราะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย คุณสามารถขายผ่าน Facebook Page ของตัวเอง หรือขายในกลุ่มซื้อขายที่มีสมาชิกจำนวนมาก ใช้รูปภาพสินค้าที่สวยงาม เขียนคำบรรยายที่ชัดเจน ระบุราคาและรายละเอียดการจัดส่ง อย่าลืมตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

การขายออนไลน์มีกี่ประเภท?

3 ประเภทการขายออนไลน์

  1. Social Media – Social Media คือ : สื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ตและใช้งานผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต หรือคอมพิวเตอร์พีซี เช่น Facebook, Instagram, LINE, TikTok เป็นช่องทางที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ต้นทุนต่ำ และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรง
  2. E-Market Place – แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ที่รวบรวมผู้ซื้อและผู้ขายไว้ในที่เดียว เช่น Shopee, Lazada มีระบบจัดการคำสั่งซื้อ การชำระเงิน และการจัดส่งครบวงจร รวมทั้งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ แต่มีการแข่งขันสูงและอาจมีค่าธรรมเนียม
  3. Brand dot com – เว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์เอง ให้อิสระในการออกแบบและควบคุมธุรกิจทั้งหมด สามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ได้เต็มที่ และเก็บข้อมูลลูกค้าได้โดยตรง แต่ต้องใช้งบประมาณและความพยายามในการทำการตลาดเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.