กลยุทธ์ Content Marketing: ทำคอนเทนต์อย่างไรให้ปัง? ตอบโจทย์ธุรกิจ

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางการตลาดสูงขึ้นทุกวัน หัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง คือ การทำ กลยุทธ์ Content Marketing ที่มีประสิทธิภาพ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า Content Marketing คืออะไร และจะวางแผนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Content Marketing แบบเจาะลึก พร้อมเทคนิคการพัฒนากลยุทธ์และวิธีการที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกออนไลน์

Content Marketing คืออะไร?

Content Marketing หมายถึง กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่า เพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดประสงค์ให้พวกเขาประทับใจและเปลี่ยนสถานะจากเพียงผู้ชมหรือผู้อ่านให้กลายมาเป็นลูกค้าในที่สุด

ข้อสำคัญ คือ เนื้อหาจะต้องไม่ยัดเยียดการขายหรือโน้มน้าวใจมากเกินไป แต่ต้องผสานการขายสินค้าเข้ากับความสนุกสนานและการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าได้รับคุณค่าจากเนื้อหานั้น จนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์

Content Marketing แตกต่างจาก Digital Marketing อย่างไร?

คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง เป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing หรือการตลาดออนไลน์ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งในการทำ Digital Marketing การทำ Content มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลสินค้า ทริกความรู้ การรีวิว หรือคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจแบรนด์และสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อในที่สุด

ความสำคัญของกลยุทธ์ Content Marketing

จากสถิติพบว่ากว่า 97% ของแบรนด์ใช้ กลยุทธ์ Content Marketing ในการขับเคลื่อนธุรกิจ มีเหตุผลสำคัญหลายประการที่ทำให้ Content Marketing มีบทบาทสำคัญในโลกการตลาดปัจจุบัน:

1. สร้างความน่าเชื่อถือ: การทำ Content Marketing ที่มีคุณภาพช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ (Authority) ให้กับแบรนด์ เมื่อคุณนำเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
2. ส่งเสริมการขายตาม Customer Journey: Content Marketing มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของ Customer Journey ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ (Awareness) การพิจารณา (Consideration) ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ (Decision)
3. สร้างความเชื่อใจและการทำ CRM: 65% ของผู้บริโภคจะรู้สึกในแง่บวกและเชื่อถือในแบรนด์ เมื่อแบรนด์มีการทำคอนเทนต์ในเชิงให้ความรู้ที่มีคุณภาพ ซึ่งช่วยในกระบวนการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM)
4. ประหยัดต้นทุน: เมื่อเทียบกับการทำการตลาดแบบดั้งเดิม การทำ Content มีต้นทุนที่ต่ำกว่าแต่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะยาว
5. เพิ่ม SEO: คอนเทนต์ที่มีคุณภาพช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาบน Google ทำให้แบรนด์ของคุณถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น

Content Marketing มีอะไรบ้าง?

Content Marketing มีอะไรบ้าง ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ? แต่ละรูปแบบมีข้อดีและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป:

1. Promotional Content

คอนเทนต์ประเภทนี้ช่วยในการกระตุ้นและส่งเสริมการขายสินค้า เช่น การแจกสินค้า ส่วนลด หรือโปรโมชัน 1 แถม 1 โดยมักจะมีการตั้งกฎกติกา เช่น กดแชร์หรือคอมเมนต์เพื่อรับสิทธิพิเศษ ซึ่งช่วยเพิ่มทั้ง Engagement และยอดขายไปพร้อมกัน

2. Solvable Content

เป็นคอนเทนต์ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือช่วยแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เทคนิคการทำธุรกิจออนไลน์ หรือวิธีใช้งานระบบต่าง ๆ โดยเนื้อหาควรเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้ทั้งความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณเพิ่มเติม การดูแลช่องทาง YouTube ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของ Solvable Content ที่ช่วยลูกค้าได้อย่างเป็นรูปธรรม

3. Video Content

การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านวิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหว เป็นอีกหนึ่งรูปแบบคอนเทนต์ยอดนิยม เพราะสามารถนำเสนอสิ่งที่คุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นได้อย่างชัดเจน และเข้าถึงอารมณ์ร่วมได้ง่าย ความท้าทาย คือ ต้องทำให้สนุกและน่าติดตามเพื่อให้ผู้ชมดูจนจบ การใช้ KOL สำหรับธุรกิจ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับ Video Content ได้เป็นอย่างดี

4. Real Time Content

การใช้คอนเทนต์เกาะกระแสที่กำลังเป็นที่นิยม จะช่วยให้แบรนด์ของคุณดูทันสมัยและทันเหตุการณ์ ช่วยเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้ดีและสร้างคอนเทนต์ที่มี Engagement สูง

5. Album Content

การถ่ายทอดด้วยรูปภาพหรือ Artwork แบบหลาย ๆ รูปติดต่อกันเป็นอัลบั้ม เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์หรือนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยดึงดูดความสนใจและสร้าง Engagement ได้ดี

6. Question & Answer Content

คอนเทนต์ถาม-ตอบข้อสงสัยหรือปัญหาต่าง ๆ จากกลุ่มเป้าหมาย ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีเพราะได้ติดต่อกับแบรนด์โดยตรง แสดงถึงความใส่ใจและช่วยให้ผู้ติดตามไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบเอง

7. Quote Content

การใช้ประโยคหรือคำพูดจากบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือจากแบรนด์ พร้อมรูปภาพประกอบ ช่วยกระตุ้น Engagement ได้ดีเพราะดึงความสนใจได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เนื้อหามาก

8. Activity Content

รูปแบบของกิจกรรมที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้า เช่น การเชิญชวนให้เล่นเกม เพิ่มเพื่อน กดติดตาม หรือแชร์โพสต์ ควบคู่กับการแจกของรางวัล ช่วยให้ผู้บริโภคกลายมาเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น

ลักษณะของ Content ตามจุดประสงค์

คอนเทนต์สามารถแบ่งตามจุดประสงค์ได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ:

1. Educate (คอนเทนต์เพื่อให้ความรู้)

เน้นการให้ข้อมูลที่เป็นความจริง ตรงประเด็น และสามารถตอบหรือช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อ่านได้ มักอยู่ในรูปแบบบทความ เทคนิค วิธีการ หรือ Infographic ที่ให้ความรู้

2. Entertain (คอนเทนต์เพื่อให้ความบันเทิง)

เน้นการสร้างหรือกระตุ้นอารมณ์ของผู้อ่าน มุ่งเน้นความสนุกสนาน บันเทิงใจ และดึงดูดให้ผู้อ่านรู้สึกอยากติดตามเนื้อหาต่อไปเรื่อย ๆ เป็นคอนเทนต์ที่ช่วยสร้าง Awareness และ Engagement ได้ดี

3. Persuade (คอนเทนต์เพื่อโน้มน้าวใจ)

ไม่เน้นการให้ความบันเทิงทางอารมณ์ แต่เน้นการให้เหตุผลเป็นหลัก เพื่อโน้มน้าวใจลูกค้าหรือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เช่น การเปรียบเทียบราคา การให้ข้อมูลคุณสมบัติของสินค้า เน้นสร้างคอนเทนต์ที่ส่งเสริมการขาย

4. Convert (คอนเทนต์เพื่อทำให้เกิดการซื้อขาย)

คอนเทนต์ที่ส่งเสริมการขาย ทำให้รู้สึกอยากซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น คอนเทนต์แสดงตารางราคา คอนเทนต์แสดงความสามารถของสินค้า หรือโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ

Content Marketing ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร?

การทำ Content ที่ดีและมีประสิทธิภาพควรมีลักษณะดังนี้:

1. เจาะจงกลุ่มเป้าหมายชัดเจน – ควรตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มทำคอนเทนต์ เพื่อให้สามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมและตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
2. มีข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน – คอนเทนต์ที่ดีต้องมีข้อมูลที่เป็นความจริง ชัดเจน และครบถ้วน ให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้น่าเชื่อถือ
3. สื่อสารได้น่าติดตาม ดึงดูดใจผู้อ่าน – ควรสื่อสารตรงประเด็น เข้าใจง่าย และน่าติดตาม เพื่อให้ผู้อ่านสนใจและอยากรู้เรื่องมากขึ้น
4. ช่วยแก้ปัญหาหรือตอบคำถามให้ลูกค้าได้ – นอกจากความน่าสนใจแล้ว คอนเทนต์ที่ดีควรสามารถตอบปัญหาหรือข้อสงสัยที่ผู้อ่านอยากทราบได้
5. สร้างคุณค่า (Value) – ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าคุ้มค่าหรือได้ประโยชน์จากการเข้ามาดู เพราะหากนำเสนอคอนเทนต์ที่ไม่ดี อาจสร้างความรู้สึกเชิงลบและทำให้เสียลูกค้าได้
6. มีความสม่ำเสมอในการเผยแพร่ – การสร้างคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการซื้อซ้ำและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ ทำให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์มีความสม่ำเสมอในการให้บริการ

7 ขั้นตอนการสร้างกลยุทธ์ Content Marketing

การวางแผนและดำเนินการ กลยุทธ์ Content Marketing อย่างมีประสิทธิภาพประกอบด้วย 7 ขั้นตอนสำคัญ:

1. ตั้งเป้าหมาย (Goal)

ก่อนเริ่มทำ Content Marketing ควรมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเป้าหมายควรเป็นไปตามหลัก SMART:

• Specific (เจาะจง) – เช่น ต้องการสร้าง Awareness หรือ Conversion
• Measurable (วัดผลได้) – เช่น จำนวนไลก์ 300 ครั้งจากโพสต์
• Attainable (เป็นไปได้จริง) – เช่น ยอดผู้ติดตามถึง 1,000,000 คน
• Relevant (เกี่ยวข้องกับธุรกิจ) – ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ
• Time-bound (มีกำหนดเวลา) – เช่น มี Follower 10,000 คนภายใน 3 เดือน

2. Landscape Research

ขั้นตอนที่ต้องทำควบคู่กับการตั้งเป้าหมาย เพราะเป้าหมายของแบรนด์และลูกค้าต้องไปในทางเดียวกัน ประกอบด้วย 3 เรื่องสำคัญ:

• เรารู้จักตัวเองไหม? – แบรนด์ต้องเข้าใจว่ากำลังขายอะไร มีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร และแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร
• ใครคือลูกค้าของเรา? – ต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเพื่อวาง Content Strategy ที่เหมาะสม
• ใครคือคู่แข่ง? – ศึกษากลยุทธ์ของคู่แข่งเพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์ของตัวเอง

3. Brand Voice

ท่าทีหรือน้ำเสียงของแบรนด์ที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ครอบคลุมถึงคำและภาษาที่ใช้ บุคลิกภาพของแบรนด์ และรูปภาพที่ใช้ในงานการตลาด น้ำเสียงควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะมีลักษณะแบบไหน จริงจังหรือสนุกสนาน เพื่อสร้าง Branding ที่แข็งแรงและสม่ำเสมอ

4. Buyer Persona & Buyer Journey

ต้องเข้าใจขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการ โดยพิจารณาตาม Customer Journey:

• Awareness – ระยะที่ยังไม่รู้จักหรือสนใจสินค้า ควรทำคอนเทนต์ดึงดูดให้พวกเขาสนใจ
• Consideration – ระยะพิจารณาเลือกซื้อ ควรทำคอนเทนต์ประกอบการตัดสินใจ เช่น ข้อมูลสินค้า การเปรียบเทียบ
• Decision – ระยะตัดสินใจซื้อ ควรทำคอนเทนต์ช่วยซื้อ เช่น วิธีการซื้อ ช่องทางชำระเงิน

5. Content Strategy

การทำ Content จำเป็นต้องมีกลยุทธ์วางแผน เพื่อให้รู้ว่าจะทำคอนเทนต์อะไร รูปแบบไหน โดยนำข้อมูลจาก Landscape Research, Buyer Persona & Buyer Journey มาวิเคราะห์เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

6. Content Creation

นำแผน Content Strategy มาวางแผนการผลิตคอนเทนต์ โดยควรมีรายละเอียดดังนี้:

• หัวข้อคอนเทนต์ที่จะทำ
• รายละเอียดงาน จะทำรูปแบบไหน
• วันที่งานต้องเสร็จ (Due Date)
• วันเผยแพร่ผลงาน (Publish Date)
• ผู้รับผิดชอบ เช่น Author, Designer, Video Creator
• แคมเปญและจุดประสงค์ของผลงาน
• ช่องทางที่เผยแพร่ เช่น เว็บไซต์, อีเมล, Social Media, YouTube

ในปัจจุบัน การใช้ แพ็กเกจการตลาดผ่าน Facebook และ TikTok เป็นอีกทางเลือกสำหรับการเผยแพร่คอนเทนต์ที่สร้างไว้ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. Content Promotion

การเผยแพร่คอนเทนต์ควรวางแผนตั้งแต่เริ่มการผลิต เพราะช่องทางและช่วงเวลามีผลต่อความสำเร็จ ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายว่าพวกเขาชอบคอนเทนต์แบบไหนและใช้งานผ่านช่องทางใด แล้วปล่อยคอนเทนต์ตามนั้น

เครื่องมือที่ช่วยในการทำ Content Marketing

เครื่องมือที่ช่วยในการทำ Content ให้มีประสิทธิภาพมีหลายอย่าง:

1. Google Analytics & Google Tag Manager

เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยเก็บข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ วัดผลข้อมูลค่า Metrics ต่างๆ เช่น Page Views, Conversion, Average Time Spend และวิเคราะห์ว่าควรปรับปรุงคอนเทนต์ส่วนไหน

2. WordPress

โปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับสร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ มีระบบหลังบ้านที่ช่วยจัดการข้อมูลได้ทันที ช่วยทำ SEO ได้ง่ายเพราะมีโครงสร้างที่รองรับ และมี Plugins ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

3. Yoast

ปลั๊กอินเสริมของ WordPress ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับแต่ง SEO มีฟีเจอร์ SEO Analysis ที่ช่วยแนะนำการเขียน SEO และปรับโครงสร้างเว็บไซต์

4. Canva

เว็บไซต์ออกแบบกราฟิกที่ช่วยสร้างคอนเทนต์รูปภาพสำหรับ Social Media, Presentation, Poster หรือภาพเคลื่อนไหว โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านกราฟิก มีเทมเพลตให้เลือกใช้มากมาย

5. Ahrefs

เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำ SEO ทั้ง Keyword Analysis, Backlink Analysis, Competitor Analysis และ Performance Report

ตัวอย่าง Content Marketing ที่ประสบความสำเร็จ

เรามาดูตัวอย่างของแบรนด์ที่ทำ กลยุทธ์ Content Marketing ได้อย่างโดดเด่นและสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม:

1. รองเท้าช้างดาวกับ BLACKPINK

จากกระแสของการปล่อย MV ซิงเกิ้ล PINK VENOM ของวง BLACKPINK ในปี 2565 แบรนด์รองเท้าช้างดาวได้ท้าทายว่าหาก MV ทำยอดวิวถึง 80 ล้านวิวใน 24 ชั่วโมง จะผลิตรองเท้าช้างดาวสีชมพูดำ ผลปรากฏว่า MV ทำยอดวิวได้ถึง 90.4 ล้านวิว จนเกิดเป็นคอลเลกชัน “ช้างดาวพริ้ง” ที่มียอดจองถึง 105,739 คู่

2. Hubspot และการให้ความรู้เชิงลึก

Hubspot เป็นตัวอย่างของ Content Marketing ที่ทำได้ดีมาตลอด โดยเน้นการทำบทความให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นที่ผู้อ่านสนใจ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องอธิบายหรือใช้เวลาตัดสินใจระยะหนึ่ง คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งของ Hubspot แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การทำคอนเทนต์ลงในบล็อกเพื่อให้ความรู้ด้าน Inbound Marketing และการสอนการตลาดเชิงลึกที่รวบรวม eBook, Case Studies และคำถามต่าง ๆ

3. ห่านคู่กับ “ถึงคุณ…คนธรรมดา”

ห่านคู่สร้างคอนเทนต์ในรูปแบบจดหมายธรรมดาที่ให้กำลังใจคนธรรมดาทุกคน โดยใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Emotional Marketing ในการสร้างอิมแพ็กให้กับแคมเปญ สร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

4. เพจ ‘ขาย’ กับการนำเสนอที่แหวกแนว

เพจ ‘ขาย’ ทำคอนเทนต์ที่แหวกขนบของการขายให้มีความสนุก โดนใจ และกลายเป็นไวรัลด้วยการเขียนบอกสรรพคุณสินค้าที่ไม่เหมือนใคร ช่วยเพิ่ม Engagement และยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ Content Marketing

มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ กลยุทธ์ Content Marketing ดังนี้:

• การทำบล็อกสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจช่วยเพิ่ม Lead ได้ถึง 67% เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ
• 72% ของนักการตลาดแบบ B2B ระบุว่า Content Marketing ช่วยเพิ่ม Engagement และสร้างโอกาสในการขายให้มากขึ้น
• 88% ของลูกค้าระบุว่า วิดีโอเป็นคอนเทนต์ที่ช่วยโน้มน้าวให้ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ

บริการด้าน Content Marketing จากหยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง

หยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง คือ บริษัท Creative Agency & Brand Consultant ที่มุ่งเน้นการทำ Content ที่ทำให้ลูกค้าหยุดนิ้วมือเพื่อสนใจคอนเทนต์ของธุรกิจ สร้างการจดจำแบรนด์และเพิ่มยอดขาย เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้จริงอย่างยั่งยืนในโลกออนไลน์ เรามีบริการครอบคลุมด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ ดังนี้:

• ผลิตวิดีโอมืออาชีพ – เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณ
• บริการถ่ายภาพมืออาชีพ – ทั้งงานส่วนตัวและเชิงพาณิชย์
• ออกแบบเมนูอาหาร – เพื่อความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้า
• ยิงแอดโฆษณา – ช่วยให้คุณประหยัดงบโฆษณาและได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม จากทีมการตลาดมืออาชีพ
• Rich Menu และ Line Official – เครื่องมือทางการตลาดที่จำเป็นในปัจจุบันเพื่อช่วยปิดการขายได้ง่ายดาย
• Creative Content – ทีมมืออาชีพช่วยสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
• ออกแบบโลโก้ – เพื่อความสวยงามและสร้างอัตลักษณ์ให้แก่แบรนด์
• โปรโมทและรีวิว – ช่วยโปรโมทธุรกิจให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย สร้างความโดดเด่นและน่าติดตาม

สรุป

Content Marketing เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดขาย การทำคอนเทนต์ที่ดีต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า และเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ให้ความรู้ ความบันเทิง หรือกระตุ้นยอดขาย สิ่งสำคัญ คือ ต้องตอบโจทย์ลูกค้าและสอดคล้องกับแบรนด์ การทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย

Digital Agency คืออะไร?

Digital Agency หรือ เอเจนซี่ดิจิทัล คือ องค์กรที่ช่วยวางแผนและดำเนินการด้าน Digital Marketing ให้ธุรกิจ ผ่านการออกแบบกลยุทธ์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบันมี Digital Marketing Agency มากมายที่พร้อมให้บริการและคำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้การลงทุนด้านการตลาดออนไลน์เกิดประสิทธิภาพและผลตอบแทนสูงสุด

Conversion ใน Customer Journey คืออะไร?

Conversion หมายถึง การกระทำตามเป้าหมายที่เราต้องการให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าทำเมื่อพวกเขาเข้ามาที่เว็บไซต์หรือช่องทางออนไลน์ของเรา โดยเราได้วางเงื่อนไขในการเก็บข้อมูลแต่ละ Conversion ไว้เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การคลิก Call to Action (CTA), ข้อมูลการซื้อสินค้า (Purchase), การเป็นลูกค้าใหม่ (Leads), หรือการลงทะเบียนสมาชิก (Sign up)

กลยุทธ์การตลาด มีอะไรบ้าง?

กลยุทธ์การตลาด 4P คืออะไร มีอะไรบ้าง?

1. กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) คือ การวางแผนเกี่ยวกับตัวสินค้าหรือบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้า
2. กลยุทธ์ราคา (Price Strategy) คือ การกำหนดราคาให้เหมาะสมกับตลาดและกลุ่มเป้าหมาย
3. กลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place Strategy) คือ การเลือกสถานที่และวิธีการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย
4. กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย (Promotion Strategy) คือ การสื่อสารและกระตุ้นให้เกิดการซื้อ
5. Packaging Strategy (กลยุทธ์บรรจุภัณฑ์) คือ การออกแบบหีบห่อให้ดึงดูดและสร้างมูลค่าเพิ่ม
6. Personal Strategy กลยุทธ์บุคลากร/พนักงานขาย คือ การพัฒนาทีมงานให้สามารถนำเสนอและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ