ในโลกธุรกิจที่ผู้คนหันมาซื้อของออนไลน์มากกว่าที่หน้าร้าน การเข้าใจระบบการขายออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ “Marketplace คือ” หนึ่งในคำศัพท์ที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในวงการอีคอมเมิร์ซ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายและความสำคัญอย่างแท้จริง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ มาร์เก็ตเพลส คือ อะไร อย่างละเอียด และเหตุผลที่ทำให้ช่องทางนี้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการซื้อขายในยุคดิจิทัล
มาร์เก็ตเพลส คืออะไร?
มาร์เก็ตเพลส (Marketplace) คือ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน เปรียบเสมือนร้านขายสินค้าหรือห้างสรรพสินค้าดิจิทัลขนาดใหญ่ที่รวบรวมร้านค้าและสินค้าหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านจริง
หากอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ มาร์เก็ตเพลส คือ “ตลาดออนไลน์” หรือระบบการขายออนไลน์ที่เป็นแหล่งนัดพบของผู้ซื้อและผู้ขาย ที่มีทั้งบริษัท ร้านค้า และผู้ขายรายย่อยมานำเสนอสินค้าของตนเอง ทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกสินค้าได้หลากหลาย เปรียบเทียบราคา และซื้อสินค้าจากหลายร้านในแพลตฟอร์มเดียวได้อย่างสะดวก
แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสจะให้บริการระบบที่จำเป็นสำหรับการซื้อขาย เช่น ระบบการชำระเงิน ระบบการจัดการร้านค้า และระบบการจัดส่งสินค้า โดยผู้ขายเพียงนำสินค้ามาลงขาย ดูแลสต๊อกสินค้า และจัดส่งสินค้าเมื่อมีคำสั่งซื้อ ส่วนผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะได้รับค่าคอมมิชชันหรือค่าธรรมเนียมจากการขายที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม
ประเภทของมาร์เก็ตเพลส
Marketplace คือ ระบบที่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ที่พบเห็นได้ในประเทศไทยปัจจุบัน:
1. อี-มาร์เก็ตเพลส (E-Marketplace คือ)
E-Marketplace คือ ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ที่รวบรวมร้านค้าและสินค้าหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ระบบนี้เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก มีการจัดการระบบต่าง ๆ เช่น การสร้างร้านค้า การจัดการสินค้า และระบบชำระเงินที่ปลอดภัย
ปัจจุบัน อี-มาร์เก็ตเพลสยังคงเป็นช่องทางที่สำคัญที่สุดในตลาดอีคอมเมิร์ซของไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 55% ของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ Shopee และ Lazada รวมถึง TikTok และ Facebook ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
2. โซเชียล คอมเมิร์ซ (Social Commerce)
โซเชียล คอมเมิร์ซเป็นการค้าขายผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นแนวทางใหม่ในการทำธุรกิจที่ผสานรวมการขายสินค้าและบริการเข้ากับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ LINE
ผู้ใช้สามารถเลือกชมและซื้อสินค้าผ่านช่องทางเหล่านี้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกจากแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่ ซึ่งทำให้กระบวนการซื้อขายมีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มันคือ การรวมกันของโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ
ตัวอย่างเช่น การใช้ฟีเจอร์ “Shop” บน Instagram หรือ Facebook Shops ที่ช่วยให้ผู้ค้าแสดงสินค้าของตนในรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจ ปัจจุบัน โซเชียล คอมเมิร์ซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มเช่น TikTok ซึ่งกลายเป็นช่องทางใหม่สำหรับการซื้อขายสินค้าภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มาร์เก็ตเพลส vs อีคอมเมิร์ซ: ความแตกต่างที่ควรรู้
หลายคนมักสับสนระหว่างมาร์เก็ตเพลสและอีคอมเมิร์ซ แม้ว่าทั้งสองจะเกี่ยวข้องกับระบบการขายออนไลน์ แต่มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ:
มาร์เก็ตเพลส คือ:
- ระบบร้านขายสินค้าที่รวบรวมผลิตภัณฑ์จากผู้ขายหลายรายไว้ในที่เดียว
- ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
- ไม่ได้ถือครองสินค้าหรือจัดการสต๊อกสินค้าเอง
- ตัวอย่างเช่น Amazon, Lazada, Shopee
อีคอมเมิร์ซ:
- หมายถึงการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่เจ้าของแบรนด์หรือธุรกิจออกแบบและพัฒนาขึ้นเอง
- มีการจัดการระบบหลังบ้านเองทั้งหมด (การจัดการคำสั่งซื้อ, การชำระเงิน, การจัดส่ง)
- มักมีสินค้าเพียงจากแบรนด์เดียวเท่านั้น
ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างทั้งสองรูปแบบมีดังนี้:
1. การจัดการและควบคุม
- มาร์เก็ตเพลส: ผู้ขายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์หรือระบบหลังบ้าน เพราะแพลตฟอร์มจัดการให้ทั้งหมด รวมถึงระบบการชำระเงินและการจัดส่ง
- อีคอมเมิร์ซ: เจ้าของร้านค้าต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ การตลาด ไปจนถึงการบริการลูกค้า สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ แต่ต้องใช้ทรัพยากรมากกว่า
2. ความหลากหลายของสินค้า
- มาร์เก็ตเพลส: มีสินค้าจากหลายผู้ขายในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบราคาและเลือกซื้อได้ง่าย
- อีคอมเมิร์ซ: มักมีสินค้าเพียงจากแบรนด์เดียว ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถเปรียบเทียบกับร้านค้าอื่นได้ในคราวเดียว
3. ค่าใช้จ่ายและต้นทุน
- มาร์เก็ตเพลส: ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำกว่า ไม่ต้องสร้างระบบหรือเว็บไซต์เอง แต่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชันเมื่อขายได้
- อีคอมเมิร์ซ: ต้องลงทุนในการสร้างเว็บไซต์และระบบหลังบ้าน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ควบคุมกำไรได้มากกว่าเพราะไม่ต้องแบ่งรายได้กับแพลตฟอร์ม
4. การทำการตลาด
- มาร์เก็ตเพลส: แพลตฟอร์มช่วยทำการตลาดให้กับร้านค้า ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายโดยไม่ต้องลงทุนมากในการโฆษณา
- อีคอมเมิร์ซ: เจ้าของร้านค้าต้องทำการตลาดด้วยตัวเอง ซึ่งอาจต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อดึงดูดลูกค้า
4 มาร์เก็ตเพลสยอดนิยมในประเทศไทย
ในประเทศไทยมีร้านขายสินค้าออนไลน์ในรูปแบบ Marketplace คือ ระบบที่โดดเด่นหลายแห่ง แต่ละแห่งมีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน ต่อไปนี้ คือ 4 แพลตฟอร์มยอดนิยม:
1. Facebook Marketplace
Facebook Marketplace เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ซึ่งทั้งบุคคลทั่วไปและธุรกิจสามารถซื้อและขายสินค้าในพื้นที่ได้ ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายผู้ใช้ Facebook จำนวนมาก ทำให้ผู้ขายสามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน
ข้อดี: ไม่มีค่าธรรมเนียมในการลงรายการสินค้า สื่อสารกับผู้ซื้อโดยตรง และเข้าถึงชุมชนในพื้นที่ได้อย่างกว้างขวาง ข้อควรพิจารณา: ตัวเลือกการชำระเงินและการจัดส่งในตัวมีจำกัด ผู้ขายต้องจัดการด้านโลจิสติกส์เหล่านี้ด้วยตนเอง
2. Lazada
Lazada เป็นหนึ่งในตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่รู้จักในฐานะแพลตฟอร์มที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง Lazada นำเสนอเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับผู้ขาย รวมถึงโซลูชันการโฆษณา การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ และการเข้าถึงแคมเปญระดับประเทศเช่น “Lazada Birthday Sale”
ข้อดี: เครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง เครื่องมือโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย และความไว้วางใจของลูกค้าสูง ข้อควรพิจารณา: การแข่งขันสูงและค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโปรแกรมผู้ขายระดับพรีเมียมเช่น LazMall
3. Shopee
Shopee เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหลักในวงการอีคอมเมิร์ซของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านประสบการณ์การใช้งานบนมือถือเป็นหลักและกิจกรรมเมกะเซลล์บ่อยครั้ง เช่น Shopee 9.9 และ Shopee 11.11 เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ขายรายย่อยและธุรกิจขนาดใหญ่
ข้อดี: อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ตัวเลือกการโฆษณาในแพลตฟอร์ม และโปรแกรมจัดส่งฟรีที่ดึงดูดลูกค้า ข้อควรพิจารณา: การแข่งขันด้านการโฆษณาสูงและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สำคัญ
4. TikTok Shop
TikTok Shop ผสานรวมอีคอมเมิร์ซเข้ากับโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้ขายสามารถทำการตลาดและขายสินค้าโดยตรงผ่านเนื้อหาวิดีโอที่ได้รับความนิยมของ TikTok แพลตฟอร์มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการสร้างช่องทาง YouTube เพื่อขยายการเข้าถึงลูกค้า
ข้อดี: รูปแบบที่มีส่วนร่วมสูง การนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบเรียลไทม์ และการโต้ตอบโดยตรงกับลูกค้าเป้าหมายผ่านเนื้อหา ข้อควรพิจารณา: ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างเนื้อหาและความเข้าใจในอัลกอริทึมของ TikTok เพื่อความสำเร็จ
5 ข้อดีของระบบการขายออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส
มาร์เก็ตเพลส คือ แพลตฟอร์มที่มอบข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการสำหรับธุรกิจทุกขนาด ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ขาย นี่คือ 5 ข้อดีหลัก ๆ:
1. เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นและเพิ่มโอกาสในการมองเห็น
การลงขายสินค้าในตลาดออนไลน์อย่าง Shopee หรือ Lazada ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนมากได้ทันที ตัวอย่างเช่น Shopee เพียงอย่างเดียวมีผู้เข้าชมมากกว่า 80 ล้านคนต่อเดือนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสในการมองเห็นที่พวกเขาจะไม่ได้รับจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตนเอง
2. สร้างความน่าเชื่อถือ
ตลาดออนไลน์มักมีระบบชำระเงินที่เชื่อถือได้ นโยบายการคืนสินค้า และระบบรีวิว ผู้ซื้อรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในการซื้อสินค้าจากตลาดออนไลน์ เพราะพวกเขารู้ว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้มีมาตรฐานที่แน่นอน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการหลอกลวง
3. การสนับสนุนด้านการตลาดและการโฆษณา
โดยปกติแล้ว ตลาดออนไลน์จะมีเครื่องมือโฆษณาภายในแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น Lazada และ Shopee อนุญาตให้ผู้ขายลงโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้เฉพาะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมองเห็น นอกจากนี้ คุณยังสามารถได้รับประโยชน์จากแคมเปญการตลาดของพวกเขา เช่น แคมเปญ “11.11” ที่ช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมทั่วทั้งแพลตฟอร์ม
4. อุปสรรคในการเข้าต่ำ
การตั้งร้านค้าในตลาดออนไลน์มักจะง่ายกว่าและถูกกว่าการสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเฉพาะ ตลาดออนไลน์มักจะมีแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย และผู้ขายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรวมระบบการชำระเงินหรือการบำรุงรักษาเว็บไซต์
5. ข้อมูลเชิงลึก
ตลาดออนไลน์หลายแห่งมีเครื่องมือวิเคราะห์ ซึ่งช่วยให้ผู้ขายเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ใดขายดีและข้อมูลประชากรของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Shopee Seller Center และ Lazada Seller Center ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามยอดขาย การมีส่วนร่วม และพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้ง่ายต่อการปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลจริง
ข้อควรพิจารณาเมื่อขายของบนร้านขายสินค้าออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส
แม้ว่าการขายบนมาร์เก็ตเพลสจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีปัจจัยสำคัญบางประการที่ต้องคำนึงถึงเพื่อความสำเร็จในการขาย:
1. นโยบายของมาร์เก็ตเพลส
แต่ละตลาดออนไลน์มีกฎและนโยบายของตนเองเกี่ยวกับการลงรายการสินค้า ราคา และการบริการลูกค้า ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง และผู้ขายต้องปฏิบัติตาม แบรนด์ต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับกฎเหล่านี้
2. ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
การโฆษณาภายในตลาดออนไลน์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่มการมองเห็น ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาอาจแตกต่างกันอย่างมากขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มและหมวดหมู่สินค้า แบรนด์ต้องตรวจสอบและกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการโฆษณาอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
3. การควบคุมแบรนด์ที่จำกัด
เมื่อขายในตลาดออนไลน์ ธุรกิจมักจะมีอำนาจควบคุมน้อยกว่าในการนำเสนอแบรนด์ของตน การลงรายการสินค้าเป็นไปตามรูปแบบมาตรฐาน และการสร้างแบรนด์ของตลาดอาจบดบังผู้ขายแต่ละราย สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นอิสระ
4. ไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลลูกค้า
ในมุมที่ผู้ขายต้องการออกมาสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเอง จะไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้าจากมาร์เก็ตเพลสมาใช้ได้ เนื่องจากหลายแพลตฟอร์มจะมีเพียงข้อมูลทั่วไปให้กับผู้ขายเท่านั้น
5. มีคู่แข่งมากมายในที่เดียวกัน
อาจเป็นข้อดีของผู้ซื้อ แต่เป็นข้อเสียเปรียบของผู้ขาย เมื่อมีผู้ขายมากมายที่ขายสินค้าใกล้เคียงกัน ผู้ซื้อจึงมีโอกาสเลือกมากกว่า ทำให้การแข่งขันสูงและราคาอาจถูกกดลง
เทคนิคการรักษาลูกค้าบนระบบการขายออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส
การรักษาลูกค้าเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับผู้ขายบนร้านขายสินค้าออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส เนื่องจากข้อจำกัดด้านการสื่อสารและการควบคุมประสบการณ์ลูกค้า ต่อไปนี้ คือ วิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาลูกค้า:
1. ใช้โปรแกรมความภักดี
การรวมโปรแกรมระบบสมาชิกเข้ากับกลยุทธ์มาร์เก็ตเพลสเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการใช้ระบบสะสมแต้ม แบรนด์ต่าง ๆ สามารถสร้างระบบรางวัลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า โดยเสนอคะแนนสำหรับการซื้อหรือการมีส่วนร่วม แม้ว่าพวกเขาจะซื้อผ่านตลาดออนไลน์ก็ตาม คะแนนเหล่านี้สามารถแลกเป็นส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษในภายหลัง ซึ่งจะกระตุ้นการซื้อซ้ำ
2. ข้อเสนอและโปรโมชันส่วนบุคคล
แพลตฟอร์มความภักดีช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถติดตามพฤติกรรมและความชอบในการซื้อของลูกค้า ทำให้สามารถจัดโปรโมชันส่วนบุคคลได้ การปรับแต่งในระดับนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้า แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมของตลาดออนไลน์
3. กระตุ้นการมีส่วนร่วมนอกเหนือจากมาร์เก็ตเพลส
แม้ว่าการขายครั้งแรกจะเกิดขึ้นในตลาดออนไลน์ แต่คุณสามารถเชิญลูกค้าให้เข้าร่วมจดหมายข่าว ช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่เยี่ยมชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณเองสำหรับข้อเสนอพิเศษ เพื่อเปลี่ยนพวกเขาจากผู้ซื้อในตลาดออนไลน์เป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์
บริการของหยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง สำหรับผู้ขายบนมาร์เก็ตเพลส
หยุดนิ้ว มาร์เก็ตติ้ง เป็นบริษัท Creative Agency & Brand Consultant ที่มุ่งเน้นการช่วยธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ระบบการขายออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส เรามีบริการครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ขายบน Marketplace คือ ผู้ที่จะสามารถสร้างความโดดเด่นและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
1. รับทำคลิปวิดีโอ
ผลิตผลงานวิดีโออย่างมืออาชีพเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านขายสินค้าของคุณ วิดีโอมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างมาก โดยเฉพาะบน Marketplace คือ ระบบที่มีการแข่งขันสูง การมีวิดีโอสินค้าคุณภาพดีจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจได้มากกว่าภาพนิ่ง
2. บริการถ่ายภาพ
บริการถ่ายภาพมืออาชีพสำหรับสินค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ ภาพถ่ายคุณภาพสูงช่วยให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดสินค้าและเพิ่มความน่าสนใจของร้านขายสินค้าในระบบการขายออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส
3. ออกแบบเมนู
รับออกแบบเมนูอาหารที่สวยงามและดึงดูดความสนใจ สำหรับร้านอาหารที่ขายบนมาร์เก็ตเพลส การมีเมนูที่ออกแบบอย่างมืออาชีพจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า
4. ยิงแอดโฆษณา
ด้วยทีมการตลาดมืออาชีพที่มีประสบการณ์ เราช่วยให้คุณได้จ่ายเงินในการโฆษณาน้อยลง โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตนเอง เราจัดการแคมเปญโฆษณาบน E-Marketplace คือ แพลตฟอร์มระบบการขายออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสซื้อสูงสุด
5. Rich Menu
รับดูแล Line Official ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่จำเป็นมากในปัจจุบัน Rich Menu เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยคุณปิดการขายได้อย่างง่ายดาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
6. Creative Content
การสื่อสารที่นอกจากต้องครบถ้วนแล้ว ยังต้องน่าสนใจ เราเป็นทีมมืออาชีพที่ช่วยสร้างคอนเทนท์ที่ดึงดูดความสนใจ และเพิ่มโอกาสในการขายบนร้านขายสินค้าออนไลน์แบบมาร์เก็ตเพลส
7. ออกแบบโลโก้
รับออกแบบโลโก้ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ให้แก่แบรนด์ของคุณ โลโก้ที่จดจำง่ายจะช่วยให้ลูกค้าจำร้านขายสินค้าของคุณได้ท่ามกลางร้านค้ามากมายบนระบบ E-Marketplace คือ สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน
8. โปรโมทรีวิว
ช่วยโปรโมทธุรกิจของคุณให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย สร้างความโดดเด่น น่าติดตาม และกระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ บ่อย ๆ รีวิวที่ดีมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อบนมาร์เก็ตเพลส
สรุป
มาร์เก็ตเพลส คือ แพลตฟอร์มที่รวมร้านค้าหลายร้านไว้ด้วยกัน ช่วยให้คุณขายสินค้าได้ง่ายโดยไม่ต้องสร้างเว็บไซต์เอง เข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้ทันที และมีระบบชำระเงินที่น่าเชื่อถือ แม้จะมีค่าธรรมเนียมและการแข่งขันสูง แต่ข้อดีที่ได้ คือ ความสะดวกและโอกาสทางธุรกิจที่มากกว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักใช้ทั้งมาร์เก็ตเพลสและเว็บไซต์ของตัวเองควบคู่กันไป หากต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกออนไลน์ ควรใช้กลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งและบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม
คำถามที่พบบ่อย
ธุรกิจแบบ Marketplace คืออะไร?
Marketplace เป็นแพลตฟอร์มธุรกิจที่รวบรวมร้านค้าจำนวนมากไว้ในที่เดียวกัน มีสินค้าหลากหลายประเภทและจำนวนมากให้ผู้ซื้อเลือก แม้จะมีสินค้ามากมาย แต่การจัดการสต๊อกเป็นหน้าที่ของผู้ขายแต่ละรายเป็นหลัก ทำให้ Marketplace ไม่จำเป็นต้องมีสต๊อกสินค้าเป็นของตัวเอง แต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น
Marketplace คืออะไร?
E-Marketplace คือ ระบบซื้อขายออนไลน์ที่เปรียบเสมือนตลาดดิจิทัลที่รวมผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากไว้ด้วยกัน ให้บริการทั้งในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ต่างจาก E-Commerce ที่เป็นเว็บไซต์ที่แบรนด์สร้างขึ้นเองเพื่อขายสินค้าของตนเท่านั้น โดยเจ้าของแบรนด์ต้องออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการระบบทั้งหมดเอง รวมถึงดูแลคำสั่งซื้อและระบบหลังบ้านทั้งหมด
Marketplace ในไทย มีอะไรบ้าง?
ประเทศไทยมีแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสหลายแห่งที่โดดเด่น แต่ละแห่งมีจุดเด่นและประโยชน์ที่แตกต่างกันสำหรับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดย 4 แพลตฟอร์มยอดนิยมในไทย ได้แก่: Facebook, Marketplace, Lazada, Shopee, TikTok Shop